News & Activities

กิจกรรม Hylife CSR

Hylife CSR รวมพลังชาวไฮไลฟ์ ร่วมกับ เทศบาลท่าวังตาล ลงพื้นที่ทำความสะอาดและฟื้นฟูบริเวณถนนรอบหมู่บ้านเวียงกุมกาม รวมถึงพื้นที่สาธารณะต่างๆ และบ้านของชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย กลุ่มบริษัทไฮไลฟ์ได้ร่วมสนับสนุนอุปกรณ์การทำความสะอาดที่จำเป็น เช่น ไม้กวาดทางมะพร้าว จอบ พลั่ว และรองเท้าบูทยาง โดยอุปกรณ์ทั้งหมดได้มอบให้แก่เทศบาลตำบลท่าวังตาล เพื่อใช้ในการฟื้นฟูและทำความสะอาดพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม การร่วมมือครั้งนี้นับเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมของกลุ่มบริษัทไฮไลฟ์ กรุ๊ป จำกัด และบริษัท พินนะเคิล แอสเซท แมเนจเม้นท์ จำกัด ที่ให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือชุมชนและสร้างความสัมพันธ์ที่ดี โดยมีจุดมุ่งหมายในการสนับสนุนและร่วมพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน  

อัพเดตค่าโอนที่ดิน ปี2567 ใช้เงินกี่บาท?

สวัสดีครับวันนี้เราจะพาทุกคนไปอัพเดตค่าการโอนบ้าน หรือ อสังหาริมทรัพย์ การซื้อขายที่ดินหรือที่พักอาศัยมีค่าใช้จ่ายหลักๆ ได้แก่ ค่าโอน ค่าจดจำนอง ค่าอากรแสตมป์ ค่าภาษีธุรกิจเฉพาะ และภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยมีรายละเอียดดังนี้: ค่าใช้จ่ายในการโอนอสังหาริมทรัพย์ ค่าคำขอโอนที่ดิน: 5 บาท ค่าอากร: 5 บาท ค่าพยาน: 20 บาท ค่าธรรมเนียมในการโอน: 2% ของราคาประเมินหรือราคาขาย (ปี 2567 ลดเหลือ 0.01% สำหรับที่อยู่อาศัยไม่เกิน 7 ล้านบาท) ค่าจดจำนอง: ปกติ 1% ของมูลค่าจำนอง (ปี 2567 ลดเหลือ 0.01% สำหรับที่อยู่อาศัยไม่เกิน 7 ล้านบาท) ค่าอากรแสตมป์: 0.5% ของราคาซื้อ-ขายหรือราคาประเมินทุนทรัพย์ ค่าภาษีธุรกิจเฉพาะ: 3% ของราคาขายหรือราคาประเมินทุนทรัพย์ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หัก ณ ที่จ่าย: ตามอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เงื่อนไขสำหรับมาตรการลดค่าธรรมเนียมปี 2567 …

อัพเดตค่าโอนที่ดิน ปี2567 ใช้เงินกี่บาท? Read More »

เงินลงทุนหุ้น “ของคนไทย” ในต่างชาติมีมากแค่ไหนกัน?

ปฏิเสธไม่ได้เลยนะครับว่าช่วงหลังมานี้การลงทุนในหุ้น หรือกองทุนต่างๆนอกประเทศนั้นเห็นได้ชัดเลยว่าผลตอบแทนกำไรดีกว่าการลงทุนหุ้นในประเทศอยู่มากทำให้นักลงทุนชาวไทยหันไปลงทุนกับหุ้นและกองทุนนอกประเทศมากขึ้น และยังมีแนวโน้มว่าจะเป็นแบบนี้ต่อไปเนื่องจากปัญหาคุณภาพหุ้นไทยที่ขาดสภาพคล่องอย่างหนัก จากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทยจะพบว่า มูลค่าเงินลงทุนหุ้น ตราสารหนี้และกองทุน ในต่างประเทศของนักลงทุนไทยทั้งกองทุนรวมและนักลงทุนรายย่อยในช่วง 10 ปีที่ผ่าน เพิ่มจาก 20,448.66 ล้านดอลลาร์สหรัฐ(746,376.09 ล้านบาท) ในปี 2558 เป็น 45,546.63 ล้านดอลลาร์สหรัฐ(1,662,451.995 ล้านบาท) ในเดือนเมษายน 2567 หรือเพิ่มขึ้น 25,097.97 ล้านดอลลาร์สหรัฐ( 916,075.905 ล้านบาท) การเพิ่มขึ้นของเงินลงทุนในต่างประเทศมาจากทั้งนักลงทุนรายย่อยและกองทุนรวม โดย นักลงทุนรายย่อยเพิ่มจาก 204.44 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2558 เป็น 8,163.77 ล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนเมษายน 2567 เพิ่มขึ้น 7,959.33 ล้านดอลลาร์สหรัฐ กองทุนรวมเพิ่มจาก 20,244.22 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2558 เป็น 37,382.86 ล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนเมษายน 2567 เพิ่มขึ้น 17,138.64 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับนักลงทุนรายย่อย การลงทุนในหุ้นต่างประเทศเพิ่มขึ้นมากที่สุด คือ 3,268.48 ล้านดอลลาร์สหรัฐ …

เงินลงทุนหุ้น “ของคนไทย” ในต่างชาติมีมากแค่ไหนกัน? Read More »

หุ้นไทยในปัจจุบัน ดิ่งสุดในรอบหลายปี รุนแรงแค่ไหน?

ในสถานการณ์ปัจจุบันนั้น เศรษฐกิจไทยยังคงน่าเป็นห่วงจากการที่ดัชนีหุ้นปัจจุบันอยู่ที่ 1304.89 ต่ำสุดที่ 1296.95(วันที่17 มิถุนายน 2567) ซึ่งต่ำสุดในรอบ 4 ปี และการที่นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นสุทธิออกไปอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมามากกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็นมูลค่ากว่า 90,000 ล้านบาท สถานการณ์ดังกล่าวเกิดจากที่เศรษฐกิจไทยนั้นโตช้าเมื่อนำไปเปรียบเทียบกับเพื่อนบ้าน อีกทั้ง GDP เฉลี่ยทั่วโลกที่ IMF คาดการณ์ไว้นั้น อยู่ที่3.2 ซึ่งไทยเราเองทำไปได้แค่2.6 เปอร์เซ็นต์ คุณ แมนพงศ์ เสนาณรงค์ (รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย) กล่าวว่า “ตลาดหุ้นไทยนั้นมืดมนเพียงบางส่วน แต่ยังไม่ถึงขั้นเลวร้ายไปทั้งหมด” เพราะยังมีหลายๆธุรกิจที่เติบโตได้ดีหลังจากวิกฤตโควิด เช่นการท่องเที่ยว สินค้าแบรนด์ต่างๆที่โตขึ้นทั้งในระดับประเทศและระดับสากล เพียงแต่ว่าประเทศไทยนั้นยังไม่มีระบบเศรษฐกิจที่จะมาขับเคลื่อนการลงทุนในไทย และการที่นักลงทุนลดความเชื่อมั่นลง จากปัญหาต่างๆ เช่น ความกังวลเรื่องความไม่เป็นธรรม มีความสงสัยว่ากฎเกณฑ์ที่มีจะส่งผลอย่างไรเป็นไปตามมารตราฐานสากลหรือไม่ ในขณะเดียวกันตลาดหลักทรัพย์ได้ปรับปรุงและสร้างเครื่องมือ ในการช่วยเหลือในเรื่องของการลงทุน และเปิดเผยข้อมูลมากขึ้นเพื่อให้ผู้ลงทุนนำไปประกอปการตัดสินใจ การหายไปของสภาพคล่องสงผลยังไงมาก-น้อยเพียงใด? ต้องเกริ่นก่อนนะครับว่าเสน่ห์ของตลาดหุ้นไทยคือการมีสภาพคล่องที่ค่อยข้างเยอะซึ่งแตกต่างจากสถาณการณ์ในปัจจุบัน คุณประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนเมอร์ชั่นพาร์ทเนอร์ จำกัด ได้ในความเห็นมาครับว่า “ตลาดหุ้นไทยในเวลานี้นั้นรู้สึกได้ว่าสิ้นหวังครับ” …

หุ้นไทยในปัจจุบัน ดิ่งสุดในรอบหลายปี รุนแรงแค่ไหน? Read More »

บริษัทพินนะเคิลร่วมกับบริษัทแม่ Hylife Group เปิดตัวสำนักงานใหญ่และ อาคารพาณิชย์แห่งใหม่ พร้อมสร้างเครือข่ายธุรกิจกับนักลงทุนกว่า 9 ประเทศในเอเชีย

บริษัทพินนะเคิล แอสเซท แมเนจเม้นท์ ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการจัดงานเปิดตัว Hylife Group Corporate สำนักงานใหญ่และ อาคารพาณิชย์แห่งใหม่ของบริษัทโฮลดิ้งยักษ์ใหญ่ในภาคเหนือ ณ จังหวัดเชียงใหม่ โดยในงานนี้ได้รับเกียรติจากเจ้าหน้าที่ทั้งในภาครัฐ และภาคเอกชนในจังหวัดเชียงใหม่ รวมถึงนักลงทุน และผู้บริหารระดับสูงมาร่วมเปิดงานทั้งหมดถึง 9 ประเทศ  ประกอบด้วย ประเทศไทย, สิงคโปร์, มาเลเซีย, เวียนดนาม, เกาหลีใต้, กัมพูชา, อินเดีย, ญี่ปุ่น และ ออสเตรเลีย ซึ่งล้วนเป็นพันธมิตรทางธุรกิจของบริษัทในเครือ Hylife Group   โดยภายในงานมีการจัดกิจกรรมบูธแนะนำบริษัท พินนะเคิล แอสเซท แมเนจเม้นท์ พร้อมนำเสนอนวัตกรรมการพัฒนาระบบภายใน ที่บริษัทฯ ได้พัฒนาขึ้นมาเองเพื่อเกื้อหนุนกระบวนการทำงานด้านการบริหารสินทรัพย์ที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น อย่างระบบ PAM Core System รวมถึง การนำเสนอวิสัยทัศน์และ ผลสำเร็จในช่วงปีการดำเนินงานที่ผ่านมา ซึ่งได้รับความสนใจและการตอบรับอย่างดีจากแขกที่มาร่วมงาน นอกจากนี้ บริษัทพินนะเคิลยังได้มีโอกาสพบปะกับแขก VIP จากหลากหลายประเทศที่ช่วยสร้างโอกาสในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและสร้างเครือข่ายธุรกิจใหม่ๆ ที่เป็นประโยชน์ในการพัฒนาธุรกิจต่อไป การนำเสนอบริษัทบริหารสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในภาคเหนืออย่าง บริษัท พินนะเคิล …

บริษัทพินนะเคิลร่วมกับบริษัทแม่ Hylife Group เปิดตัวสำนักงานใหญ่และ อาคารพาณิชย์แห่งใหม่ พร้อมสร้างเครือข่ายธุรกิจกับนักลงทุนกว่า 9 ประเทศในเอเชีย Read More »

วิกฤตสินเชื่อบ้าน: ภาระหนี้ Gen Y ส่งสัญญาณเตือนเศรษฐกิจไทย

สุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด ( เครดิตบูโร ) โพสต์ Facebook โดยเปิดเผยรายงานภาพรวมตลาดสินเชื่อบ้านในไตรมาสแรกปี 2567 นั้นยังค่อนข้างน่าเป็นห่วง จากข้อมูลล่าสุดจากเครดิตบูโรแสดงภาพรวมที่ทำให้เห็นถึงสัญญาณต่างๆที่บ่งบอกถึงความเปราะบางของเศรษฐกิจไทย ไม่ว่าจะเป็นการอนุมัติสินเชื่อที่ลดลงส่งผลให้มีผู้กู้รายใหม่น้อยลง และปริมาณหนี้เสียและหนี้กำลังจะเสียที่เพิ่มสูงขึ้น ในปริมาณหนี้นี้กว่าครึ่งเป็นของกลุ่ม Gen Y ที่แบกรับหนี้เหล่านี้อยู่ ตลาดสินเชื่อบ้านซบเซา บรรยากาศในตลาดสินเชื่อบ้านช่วงไตรมาสแรกปีนี้เต็มไปด้วยความอึมครึม ผู้ขอสินเชื่อจำนวนมากต้องพบกับความผิดหวังเมื่อถูกปฏิเสธถึง 50% สาเหตุหลักมาจากการที่สถาบันการเงินเพิ่มความเข้มงวดในการพิจารณาสินเชื่อ ทั้งในด้านการตรวจสอบรายได้และประวัติทางการเงิน เพื่อลดความเสี่ยงจากหนี้เสียที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต นอกจากนี้ จำนวนบัญชีสินเชื่อบ้านใหม่ที่เปิดในไตรมาสแรกปีนี้ยังลดลงอย่างน่าใจหาย เหลือเพียง 5.9 หมื่นบัญชี เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2561 ที่มีมากถึง 4.3 แสนบัญชี สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการที่อยู่อาศัยที่ลดลงอย่างมาก ซึ่งอาจเป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่และความกังวลเกี่ยวกับความมั่นคงในการทำงานของผู้บริโภค   หนี้เสียพุ่งสูง – Gen Y แบกภาระหนัก ปัญหาที่น่ากังวลที่สุดคือปริมาณหนี้เสีย (NPL) สินเชื่อบ้านที่เพิ่มขึ้นถึง 2 แสนล้านบาท หรือเติบโต 18% จากปีก่อนหน้า ขณะที่หนี้กำลังจะเสีย …

วิกฤตสินเชื่อบ้าน: ภาระหนี้ Gen Y ส่งสัญญาณเตือนเศรษฐกิจไทย Read More »

หนี้บัตรเครดิตพุ่ง 1 ล้านใบ! จ่ายขั้นต่ำ 8% ไหวมั้ย?

หนี้บัตรเครดิตพุ่ง 1 ล้านใบ! จ่ายขั้นต่ำ 8% ไหวมั้ย? ในยุคปัจจุบัน บัตรเครดิตกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการใช้จ่าย สะดวก รวดเร็ว และทันใจ สำหรับใครหลายๆคน แต่ในขณะเดียวกัน บัตรเครดิตก็เปรียบเสมือนดาบสองคม ที่พร้อมจะฟาดฟันผู้ใช้ที่ประมาท ทำให้เป็นหนี้เป็นสิน และส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิต จากข้อมูลของเครดิตบูโร ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2567 พบว่า ยอดหนี้เสียจากบัตรเครดิตพุ่งสูงถึง 1 ล้านใบ คิดเป็นมูลค่ากว่า 6.4 หมื่นล้านบาท เติบโต 14.6% yoy สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาเศรษฐกิจและภาระหนี้สินครัวเรือนที่ประชาชนแบกรับ ซึ่งสาเหตุหลักมาจากการปรับขึ้นอัตราการชำระขั้นต่ำบัตรเครดิตเป็น 8% ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 ส่งผลให้ประชาชนมีภาระในการชำระหนี้เพิ่มขึ้น และจะเพิ่มขึ้นอีกเป็น 10% ในปี 2568 กลุ่ม Gen Y ได้รับผลกระทบหนัก จากข้อมูลพบว่า กลุ่ม Gen Y เป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากหนี้เสียบัตรเครดิตมากที่สุด เนื่องจากเป็นกลุ่มที่เปิดบัตรเครดิตใหม่จำนวนมาก …

หนี้บัตรเครดิตพุ่ง 1 ล้านใบ! จ่ายขั้นต่ำ 8% ไหวมั้ย? Read More »

หอการค้าไทยแห่งประเทศไทยยืนชัดไม่สนับสนุนนโยบาย ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400

หอการค้าและสมาคมหอการค้าไทยเป็นองค์กรที่มีบทบาทสำคัญในการแทนตนและสนับสนุนธุรกิจและอุตสาหกรรมในประเทศไทย ซึ่งมีภารกิจหลักในการส่งเสริมและประสานงานกับภาคเอกชนและรัฐบาลเพื่อพัฒนาทรัพยากรที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ รวมถึงการสร้างเครือข่ายธุรกิจและการทำงานร่วมกันที่เกี่ยวข้องกับการค้า การลงทุน และการพัฒนาธุรกิจทียั่งยืนในประเทศไทย. หอการค้าและสมาคมหอการค้าไทยมักเป็นที่รู้จักในการเสนอแนวคิดและกิจกรรมที่ส่งเสริมการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคม รวมถึงการเสนอนโยบายและคำแนะนำต่อรัฐบาลเพื่อการปฏิรูปและสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการทำธุรกิจในประเทศไทยอย่างเหมาะสมและยั่งยืน. หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย รวมทั้งสมาคมการค้าที่ใช้แรงงานเข้มข้นมากกว่า 50 สมาคม ได้แสดงจุดยืนว่าไม่เห็นด้วยกับนโยบายการ ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท โดยการปรับค่าจ้างขั้นต่ำต้องเป็นไปตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานและกลไกการพิจารณาจากคณะอนุกรรมการพิจารณาอัตราค่าจ้างขั้นต่ำจังหวัด และคณะกรรมการค่าจ้าง (ไตรภาคี) ประกอบกับข้อเท็จจริงอื่น โดยคำนึงถึงดัชนีค่าครองชีพ อัตราเงินเฟ้อ ต้นทุนการผลิต ราคาสินค้าและบริการ ผลิตภาพแรงงาน ผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ และสภาพทางเศรษฐกิจและสังคม   ซึ่งการที่รัฐบาลจะปรับให้ค่าแรงขั้นต่ำทั้งประเทศเท่ากันที่ 400 บาทนั้นค่อนข้างที่จะส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจและการลงทุนในประเทศไทย ทำให้เกิดความไม่มั่นใจถึงต้นทุนของการทำธุรกิจและนโยบายภาครัฐ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน ยังมีปัญหาจากปัจจัยหลายประการที่มีความผันผวน   “หอการค้า”ยื่น4ข้อเสนอถึงรัฐบาล ดังนั้น จึงมีข้อเสนอต่อรัฐบาล คือ  1.การปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำประจำปีควรปรับตามที่กฎหมายบัญญัติกำหนดไว้ในมาตรา 87 แห่ง พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 ส่วนการยกระดับรายได้ลูกจ้างให้สูงขึ้นก็ทำได้โดยกำหนดอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือแรงงาน 2.ไม่เห็นด้วยกับการปรับค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาทเท่ากันทั่วประเทศ โดยไม่คำนึงถึงผลการศึกษาและการรับฟังความคิดเห็นข้อเสนอแนะจากคณะอนุกรรมการพิจารณาอัตราค่าจ้างขั้นต่ำจังหวัด และคณะกรรมการค่าจ้าง (ไตรภาคี) อีกทั้ง ปัจจุบัน รัฐบาลได้ดำเนินการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำประจำปี 2567 ไปแล้ว 2 ครั้ง …

หอการค้าไทยแห่งประเทศไทยยืนชัดไม่สนับสนุนนโยบาย ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 Read More »

อัพเดตภาษีที่ดินและ สิ่งปลูกสร้างในปี 2567

ตั้งแต่ปี2563 รัฐบาลได้มีการเรียกเก็บภาษีที่ดิน และเริ่มเก็บที่ 10% ของมูลค่าภาษีที่คำนวณได้ จนถึงปี 2566 ที่เก็บเพิ่มเป็น 85% และในปัจจุบันปี 2567 ได้มีประกาศใหม่ออกมาให้มีการเก็บภาษีเป็น 100% แล้วนะครับ เรามาอัพเดตกันดีกว่า ว่าใครต้องเสียภาษีบ้าง และใครถูกยกเว้นภาษีไม่ต้องจ่ายบ้าง บทความนี้ มีคำตอบครับ ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง คือ ภาษีรายปีที่เก็บและคิดจากมูลค่าที่ดินและสิ่งก่อสร้างที่เราครอบครอง โดยมีองค์กรท้องถิ่น เช่น เทศบาล อบต. เป็นผู้จัดเก็บ แล้วใครต้องเสียภาษีที่ดินบ้าง? เจ้าของกกรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์ ผู้ครอบครอง/ทำประโยชน์ในที่ดินนั้น จะเป็นบุคคลหรือนิติบุคคลก็ได้ เจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่นี้ต้องดูตามโฉนดนะครับ หากมีเจ้าของร่วมกันหลายคน ก็ให้แค่ใครคนใดคนหนึ่งไปจ่ายภาษีให้ครบถ้วนจะถือว่าชำระเสร็จสิ้นแล้วนะครับ ซึ่งที่ดินแต่ละประเภทก็จะมีความแตกต่างกันไปของภาษีโดยแบ่งไว้ 4 ประเภท ได้แก่ ที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม ที่ดินเพื่อการอยู่อาศัย ที่ดินเพื่อพาณิชยกรรม ที่ดินรกร้างว่างเปล่า   แล้วเราต้องจ่ายภาษีที่ดินกี่บาท? ก่อนอื่นต้องทราบก่อนนะครับว่าการคำนวณภาษีนั้นจะคำนวณจาก “ราคาประเมินที่ดิน” นะครับ ไม่ใช่ราคาซื้อขายเพราะยังมีหลายๆคนเข้าใจผิดอยู่ โดยเรามีตารางราคาที่ดินคร่าวๆมาให้ดูกันครับ ที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม  สำหรับเจ้าของที่ดินที่เป็นบุคคลธรรมดาหากที่ดินของท่านมีมูลค่าไม่เกิน 50 ล้านบาท จะได้รับการยกเว้นภาษี แต่ถ้าที่ดินของคุณมีมูลค่ามากกว่า …

อัพเดตภาษีที่ดินและ สิ่งปลูกสร้างในปี 2567 Read More »

Yield ทำความรู้จักก่อนลงทุน คำที่มือใหม่ทุกคนต้องรู้จัก

Yield ทำความรู้จัก ก่อนลงทุนสำหรับมือใหม่ สำหรับมือใหม่แล้วนั้นคำว่า yield เป็นคำที่สำคัญมากที่ควรเรียนรู้และทำความเข้าใจเพื่อเพิ่มโอกาสในการทำกำไรที่แม่นยำและแน่นอนมากขึ้นในทางการเงินและการลงทุน “Yield” หมายถึง รายได้ที่นักลงทุนได้รับจากการถือสินทรัพย์ โดยมักนับเป็นร้อยละหรือเปอร์เซ็นต์ของมูลค่าที่ลงทุนทั้งหมด วันนี้เราจะแนะนำหัวข้อหลักๆที่ควรทำความเข้าใจเอาไว้   ประเภทของ Yield สามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภทตามแหล่งกำไรหรือรายได้ที่มากัน โดยสามารถจำแนกได้เป็นดังนี้: ดอกเบี้ย (Interest Yield): คือ รายได้ที่นักลงทุนได้รับจากการถือตราสารหนี้ เช่น พันธบัตรธนาคาร หรือสัญญาเงินฝาก ซึ่งการคำนวณดอกเบี้ยส่วนใหญ่จะใช้ร้อยละเป็นหน่วย   ผลประโยชน์ (Dividend Yield): คือ รายได้ที่นักลงทุนได้รับจากการถือหุ้นของบริษัท เมื่อบริษัทแจกเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้น ส่วนใหญ่นับเป็นร้อยละของราคาหุ้น   การผลิต (Production Yield): ใช้ในภาคเกษตรหรืออุตสาหกรรม หมายถึง ปริมาณผลผลิตที่ได้รับจากการเพาะปลูกหรือการผลิตสินค้า ในรูปแบบของจำนวนหรือปริมาณสินค้า   ผลตอบแทนจากการลงทุน (Investment Yield): คือ ผลตอบแทนที่ได้รับจากการลงทุน ซึ่งสามารถมาจากดอกเบี้ย ค่าขายหลังจากการถือหรือกำไรที่สร้างขึ้น   การเปรียบเทียบรายได้เป็นสิ่งสำคัญที่นักลงทุนควรทำเมื่อพิจารณาการลงทุนในหลายๆ อสังหาริมทรัพย์หรือหลักทรัพย์ต่างๆ เรามีทริคมานำเสนอ 1 การเปรียบเทียบในระดับเดียวกัน: …

Yield ทำความรู้จักก่อนลงทุน คำที่มือใหม่ทุกคนต้องรู้จัก Read More »