หุ้น และกองทุนแตกต่างกันอย่างไร?

หุ้น คือ หลักทรัพย์ที่แสดงความเป็นเจ้าของส่วนหนึ่งในบริษัทนั้น ๆ โดยราคาหุ้นเปลี่ยนแปลงได้จากหลายปัจจัย ตัวอย่างเช่น ผลประกอบการของบริษัท สภาวะเศรษฐกิจความคาดหวังของนักลงทุน เป็นต้น หรือหากพูดแบบให้เข้าใจได้ง่าย ๆ สมมติว่าถ้าเราอยากเป็นเจ้าของธุรกิจใหญ่ ๆ สักธุรกิจ เราก็ไม่จำเป็นที่จะต้องทำธุรกิจเหล่านั้นเอง เพราะการเปิดกิจการเองไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องมีเงินทุนในการตั้งกิจการ ต้องซื้อวัตถุดิบในการผลิตสินค้า ต้องจ้างพนักงาน ต้องทำการตลาด และอื่น ๆ อีกมากมายหลายอย่าง เราสามารถนำเงินไปลงทุนในหุ้นธุรกิจต่าง ๆ ที่เราใฝ่ฝันได้ผ่านตลาดหุ้น โดยเงินลงทุนตั้งต้นที่ใช้ก็น้อยกว่า แถมไม่ต้องบริหารกิจการเอง ให้ผู้บริหารของกิจการเหล่านั้นซึ่งมีความรู้ความสามารถในธุรกิจนั้น ๆ อยู่แล้วเป็นคนบริหาร ส่วนนักลงทุนอย่างเราก็รอรับเงินปันผลเมื่อกิจการมีผลการดำเนินงานที่ดีหรือมีกำไรนั่นเอง ไม่ใช่เพียงเฉพาะมือใหม่ นักลงทุนทุกคนควรทำความเข้าใจก่อนการลงทุน เพราะการลงทุนมีความเสี่ยง

กองทุนรวม คือ การระดมเงินจากเหล่านักลงทุนหลาย ๆ คน นำไปจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล เพื่อจัดตั้งกองทุนเหล่านั้นขึ้นมา โดยมี “ผู้จัดการกองทุน” เป็นคนที่คอยบริหารการลงทุนให้นั่นเอง ข้อดีหลัก ๆ ของกองทุนรวม คือ มีหลากหลายนโยบายการลงทุนให้เลือก ทั้งหุ้น ตราสารหนี้ อสังหาริมทรัพย์ โครงสร้างพื้นฐาน ทองคำ น้ำมัน เป็นต้น จึงสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการกระจายความเสี่ยงได้ อีกทั้งใช้เงินลงทุนไม่มาก แค่เพียง 500 บาท ก็เริ่มต้นลงทุนได้แล้วสำหรับบางกองทุน ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละกองทุนรวม

ในทั้งกองทุนรวม และ หุ้น นั้นมีความเสียงในการลงทุนกันทั้งคู่ หากเป็นการลงทุนหุ้นนั้นจะขึ้นอยู่กับสภาวะตลาดหุ้นในช่วงนั้นๆ และในส่วนความเสี่ยงของการลงทุนใน “กองทุนรวม” จะขึ้นอยู่กับ

1. ความเสี่ยงจากภาวะตลาด (Market Risk) ตรงนี้จะเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์ต่าง ๆ เช่น เศรษฐกิจ, การเมือง หรือสังคม ที่อาจส่งผลต่อภาคธุรกิจ จนทำให้ภาวะตลาดเปลี่ยนแปลงไปจนมีผลกระทบต่อสินทรัพย์ที่กองทุนได้ลงทุนไว้

2. ความเสี่ยงทางธุรกิจ (Business Risk) ความเสี่ยงที่เกิดจากการดำเนินงานของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์ (หุ้น) เนื่องมาจากผลการดำเนินงานหรือฐานะการเงินรวมทั้งความสามารถในการทำกำไรและนโยบายการจ่ายเงินปันผลของบริษัทผู้ออกหุ้น ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อราคาซื้อ/ขายหุ้น

หุ้น

  • เหมาะกับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง
  • เหมาะกับคนมีเวลาศึกษาเรื่องของการลงทุน

 

กองทุนรวม

  • เหมาะกับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ทุกระดับ เนื่องจากมีหลากหลายสินทรัพย์ให้เลือกลงทุนตามระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
  • เหมาะกับคนไม่ค่อยมีเวลา มืออาชีพคอยบริหารจัดการลงทุนให้

ท้ายที่สุดนี้ ทุกการลงทุนนั้นมีความเสี่ยงอยู่ในตัวของมันเองอยู่แล้ว แต่ถ้าหากเลือกการลงทุนที่ไม่เหมาะสมกับตัวท่านเองความเสี่ยงก็อาจจะมีมากขึ้นกว่าเดิมจนก่อให้เกิดความเสียหายเป็นอย่างมาก ดังนั้นเราหวังว่าทุกท่าจะเลือกที่จะลงทุนในรูปแบบที่เหมาะสมกับตัวเอง