หุ้นไทยในปัจจุบัน ดิ่งสุดในรอบหลายปี รุนแรงแค่ไหน?

กราฟดัชนี SET ณ วันที่ 18 มิถุนายน 2567

ในสถานการณ์ปัจจุบันนั้น เศรษฐกิจไทยยังคงน่าเป็นห่วงจากการที่ดัชนีหุ้นปัจจุบันอยู่ที่ 1304.89 ต่ำสุดที่ 1296.95(วันที่17 มิถุนายน 2567) ซึ่งต่ำสุดในรอบ 4 ปี และการที่นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นสุทธิออกไปอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมามากกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็นมูลค่ากว่า 90,000 ล้านบาท สถานการณ์ดังกล่าวเกิดจากที่เศรษฐกิจไทยนั้นโตช้าเมื่อนำไปเปรียบเทียบกับเพื่อนบ้าน อีกทั้ง GDP เฉลี่ยทั่วโลกที่ IMF คาดการณ์ไว้นั้น อยู่ที่3.2 ซึ่งไทยเราเองทำไปได้แค่2.6 เปอร์เซ็นต์

คุณ แมนพงศ์ เสนาณรงค์ (รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย)

คุณ แมนพงศ์ เสนาณรงค์ (รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย) กล่าวว่า “ตลาดหุ้นไทยนั้นมืดมนเพียงบางส่วน แต่ยังไม่ถึงขั้นเลวร้ายไปทั้งหมด” เพราะยังมีหลายๆธุรกิจที่เติบโตได้ดีหลังจากวิกฤตโควิด เช่นการท่องเที่ยว สินค้าแบรนด์ต่างๆที่โตขึ้นทั้งในระดับประเทศและระดับสากล เพียงแต่ว่าประเทศไทยนั้นยังไม่มีระบบเศรษฐกิจที่จะมาขับเคลื่อนการลงทุนในไทย และการที่นักลงทุนลดความเชื่อมั่นลง จากปัญหาต่างๆ เช่น ความกังวลเรื่องความไม่เป็นธรรม มีความสงสัยว่ากฎเกณฑ์ที่มีจะส่งผลอย่างไรเป็นไปตามมารตราฐานสากลหรือไม่ ในขณะเดียวกันตลาดหลักทรัพย์ได้ปรับปรุงและสร้างเครื่องมือ ในการช่วยเหลือในเรื่องของการลงทุน และเปิดเผยข้อมูลมากขึ้นเพื่อให้ผู้ลงทุนนำไปประกอปการตัดสินใจ

คุณประกิต สิริวัฒนเกตุ (ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนเมอร์ชั่นพาร์ทเนอร์ จำกัด)

การหายไปของสภาพคล่องสงผลยังไงมาก-น้อยเพียงใด?

ต้องเกริ่นก่อนนะครับว่าเสน่ห์ของตลาดหุ้นไทยคือการมีสภาพคล่องที่ค่อยข้างเยอะซึ่งแตกต่างจากสถาณการณ์ในปัจจุบัน คุณประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนเมอร์ชั่นพาร์ทเนอร์ จำกัด ได้ในความเห็นมาครับว่า “ตลาดหุ้นไทยในเวลานี้นั้นรู้สึกได้ว่าสิ้นหวังครับ” เนื่องจากมูลค่าการซื้อขายนั้นตกต่ำลงอย่างมากอยู่ที่เพียง 40,000 กว่าล้านบาท คุณประกิต ได้กล่าวต่ออีกว่า “ตอนนี้เป็นสถานะการณ์ที่แย่ที่สุดเลยตั้งแต่ทำงานมา” เพราะขาลงในอดีตจะมีพื้นที่ในการฟื้นตัวอยู่บ้างจากแรงซื้อที่เข้ามาบ้าง แต่ในปัจจุบันนั้นไม่มีเลย เหตุผลสำคัญเกิดจากการขาดสภาพคล่อง เกิดจากที่นักลงทุนไทยแห่เข้าไปซื้อหุ้นไทยในช่วงโควิดสังเกตได้จากบัญชีหุ้นที่เพิ่มขึ้น จาก 1,500,000 บัญชี กลายเป็น 3,000,000 แต่ผลประกอปการกลับไม่เป็นแบบที่คาดไว้ ทำให้เหล่านักลงทุนขาดทุนกันไปหรือเรียกได้ว่าติดดอยครับ เหตุผลต่อมาก็คืองบประมาณของรัฐบาลที่ล่าช้าไปถึง 7 เดือน ทำให้เศรษฐกิจได้ผลกระทบอย่างแน่นอนครับ และอีกเหตุผลคือดอกเบี้ยนโยบายที่สูงขึ้น ทำให้ผลกำไรลดลงตามไปด้วยนั่นเองครับ อีกเรื่องที่น่ากังวลที่คุณประกิตได้พูดถึงก็คือเรื่องปัญหาทางด้านโครงสร้างที่ลงรากลึกไปในทุกๆด้านโดยเฉพาะ ศักยภาพในด้านการแข่งขัน, การส่งออก, การผลิต

ก็ต้องยอมรับเลยนะครับว่าประเทศไทยในปัจจุบันนั้นมีปัญหาหลายด้านทั้งตลาดหุ้นและเศรษฐกิจก็แย่ไปตามๆกันเข้าขั้นน่าเป็นห่วงเลยครับ ก็คงต้องจับตามองและรอดูนโยบายทางการเงินจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าจะรองรับหรือแก้ไขสถานะการได้มากน้อยเพียงใดให้ผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปได้

 

เว็บไซต์และช่องทางการติดต่ออย่างเป็นทางการ

Hylife Group

Facebook page Pinnacle

ช่องทางการขายทรัพย์

Thai asset hub